เรื่องหนึ่งที่ทุกคนต้องคำนึงถึงเมื่อจะซื้อรถยนต์หรือมอเตอร์ไซด์ คงหนีไม่พ้นประกันรถยนต์ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะกฎหมายของบ้านเราบังคับให้ผู้ที่ครอบครองยานพาหนะที่ใช้สัญจรบนท้องถนนต้องทำประกันภัย แต่หลายคนอาจมองว่า ทำไมต้องทำประกันภัยกันล่ะ และอาจยังไม่รู้ว่าประกันรถยนต์ในปัจจุบันมีกี่แบบ ให้ความคุ้มครองแบบไหนอย่างไรบ้าง ซึ่งคราวนี้จะขอนำเสนอเรื่องราวของประกันรถยนต์แบบต่าง ๆ ที่คนรักรถจำเป็นต้องรู้มาฝากครับ
กฎหมายไทยบังคับให้ผู้ใช้รถทุกคันทุกประเภทต้องทำประกันภัยอย่างน้อยที่สุดคือ
การทำประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้ครับ
1. เพื่อคุ้มครองและให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้ประสบภัยจากรถที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เพราะเหตุประสบภัยจากรถโดยให้ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงทีกรณีบาดเจ็บ หรือช่วยเป็นค่าปลงศพกรณีเสียชีวิต
2. เป็นหลักประกันให้กับโรงพยาบาล / สถานพยาบาลว่าจะได้รับค่ารักษาพยาบาล ในการรับรักษาพยาบาลผู้ประสบภัยจากรถ
3. เป็นสวัสดิสงเคราะห์ที่รัฐมอบให้แก่ประชาชนผู้ได้รับความเสียหาย เพราะเหตุประสบภัยจากรถ
4. ส่งเสริมและสนับสนุนให้การประกันภัยเข้ามามีส่วนร่วมในการบรรเทาความเดือนร้อน แก่ผู้ประสบภัยและครอบครัว
ประเภทของประกันรถยนต์
1. ประกันภาคบังคับ
ประกันภาคบังคับ หรือที่รู้จักกันดีว่า ประกัน พ.ร.บ. นั่นเอง ซึ่งบังคับให้ยานพาหนะทางบกทุกประเภทที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกต้องทำเพื่อคุ้มครองตัวบุคคลจากผลกระทบของอุบัติเหตุ โดยไม่คำนึงว่าบุคคลที่ได้รับผลจากอุบัติเหตุจะเป็นฝ่ายผิดหรือไม่ โดยกฎหมายจะให้ความคุ้มครองในรูปของเงินชดเชยและค่ารักษาพยาบาลตามกฎหมายกำหนด
ผู้ทีได้รับความคุ้มครอง
- ผู้ประสบภัย หมายถึง ประชาชนทุกคนที่ประสบภัยจากรถ ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่,ผู้โดยสาร,คนเดินเท้า หากได้รับความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย อนามัย อันเนื่องมาจากอุบัติเหตุที่เกิดจากรถก็จะได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. นี้
- ทายาทของผู้ประสบภัยข้างต้น กรณีผู้ประสบภัยเสียชีวิต
โทษของการไม่ทำประกันภัย
การฝ่าฝืนไม่จัดให้มีการทำประกันภัยรถ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 กำหนดให้ระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
อัตราเบี้ยประกัน
ประกันภัย พ.ร.บ. จะกำหนดอัตราเบี้ยสูงสุดอัตราเดียวตามประเภทของรถ เช่น จักรยานยนต์ รถยนต์ไม่เกิน 7 ที่นั่ง เป็นต้น และการใช้งานของรถ เช่น รถส่วนบุคคล รถรับจ้าง หรือ ให้เช่า เป็นต้น ซึ่งไม่อนุญาตให้บริษัทประกันภัยคิดค่าเบี้ยประกันสูงเกินกว่าที่กำหนด โดยราคาของเบี้ยประกันมีดังนี้ครับ
- รถเก๋งไม่เกิน 7 ที่นั่ง ประมาณ 800 บาท
- รถกระบะ ประมาณ 1,000 บาท
- รถตู้ ประมาณ 1,200 บาท
- จักรยานยนต์ ประมาณ 160-650 บาท ตามขนาดความจุกระบอกสูบหรือ ซีซี เครื่องยนต์
2. ประกันภาคสมัครใจ
คือการทำประกันที่เกิดขึ้นตามความสมัครใจของเจ้าของรถ โดยส่วนมากประกันภาคสมัครใจจะให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งรถและผู้ประสบเหตุมากกว่าภาคบังคับ มีวงเงินคุ้มครองและสิทธิพิเศษอื่น ๆ มากกว่า แต่ก็มีค่าใช้จ่ายมากกว่าภาคบังคับด้วยเช่นกัน
1. เพื่อคุ้มครองและให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้ประสบภัยจากรถที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เพราะเหตุประสบภัยจากรถโดยให้ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงทีกรณีบาดเจ็บ หรือช่วยเป็นค่าปลงศพกรณีเสียชีวิต
2. เป็นหลักประกันให้กับโรงพยาบาล / สถานพยาบาลว่าจะได้รับค่ารักษาพยาบาล ในการรับรักษาพยาบาลผู้ประสบภัยจากรถ
3. เป็นสวัสดิสงเคราะห์ที่รัฐมอบให้แก่ประชาชนผู้ได้รับความเสียหาย เพราะเหตุประสบภัยจากรถ
4. ส่งเสริมและสนับสนุนให้การประกันภัยเข้ามามีส่วนร่วมในการบรรเทาความเดือนร้อน แก่ผู้ประสบภัยและครอบครัว
ประเภทของประกันรถยนต์
1. ประกันภาคบังคับ
ประกันภาคบังคับ หรือที่รู้จักกันดีว่า ประกัน พ.ร.บ. นั่นเอง ซึ่งบังคับให้ยานพาหนะทางบกทุกประเภทที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกต้องทำเพื่อคุ้มครองตัวบุคคลจากผลกระทบของอุบัติเหตุ โดยไม่คำนึงว่าบุคคลที่ได้รับผลจากอุบัติเหตุจะเป็นฝ่ายผิดหรือไม่ โดยกฎหมายจะให้ความคุ้มครองในรูปของเงินชดเชยและค่ารักษาพยาบาลตามกฎหมายกำหนด
ผู้ทีได้รับความคุ้มครอง
- ผู้ประสบภัย หมายถึง ประชาชนทุกคนที่ประสบภัยจากรถ ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่,ผู้โดยสาร,คนเดินเท้า หากได้รับความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย อนามัย อันเนื่องมาจากอุบัติเหตุที่เกิดจากรถก็จะได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. นี้
- ทายาทของผู้ประสบภัยข้างต้น กรณีผู้ประสบภัยเสียชีวิต
โทษของการไม่ทำประกันภัย
การฝ่าฝืนไม่จัดให้มีการทำประกันภัยรถ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 กำหนดให้ระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
อัตราเบี้ยประกัน
ประกันภัย พ.ร.บ. จะกำหนดอัตราเบี้ยสูงสุดอัตราเดียวตามประเภทของรถ เช่น จักรยานยนต์ รถยนต์ไม่เกิน 7 ที่นั่ง เป็นต้น และการใช้งานของรถ เช่น รถส่วนบุคคล รถรับจ้าง หรือ ให้เช่า เป็นต้น ซึ่งไม่อนุญาตให้บริษัทประกันภัยคิดค่าเบี้ยประกันสูงเกินกว่าที่กำหนด โดยราคาของเบี้ยประกันมีดังนี้ครับ
- รถเก๋งไม่เกิน 7 ที่นั่ง ประมาณ 800 บาท
- รถกระบะ ประมาณ 1,000 บาท
- รถตู้ ประมาณ 1,200 บาท
- จักรยานยนต์ ประมาณ 160-650 บาท ตามขนาดความจุกระบอกสูบหรือ ซีซี เครื่องยนต์
2. ประกันภาคสมัครใจ
คือการทำประกันที่เกิดขึ้นตามความสมัครใจของเจ้าของรถ โดยส่วนมากประกันภาคสมัครใจจะให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งรถและผู้ประสบเหตุมากกว่าภาคบังคับ มีวงเงินคุ้มครองและสิทธิพิเศษอื่น ๆ มากกว่า แต่ก็มีค่าใช้จ่ายมากกว่าภาคบังคับด้วยเช่นกัน
ปัจจุบัน ประกันภาคสมัครใจมีประเภทมากมาย แต่แบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้เลยครับ
ประกันภัยประเภท 1 (ประกันภัยชั้น 1)
ถือเป็นประกันที่คุ้มครองครอบคลุมที่สุด รับทำเฉพาะรถเก๋งและรถกระบะส่วนบุคคลเท่านั้น โดยบริษัทประกันจะรับผิดชอบทั้งเจ้าของรถและคู่กรณีทั้งทางกายและทรัพย์สิน รวมถึงอุบัติเหตุอื่น ๆ เช่น ไฟไหม้ โจรกรรม และภัยธรรมชาติตามที่สัญญาระบุไว้ ส่วนวงเงินคุ้มครองและมูลค่าเบี้ยประกันจะมีความแตกต่างกัน ซึ่งทุกคนควรศึกษาอย่างถี่ถ้วนเพื่อประโยชน์ของเราเองครับ
ประกันภัยประเภท 1 หรือประกันภัยชั้น 1 จะมีมูลค่าเบี้ยประกันสูงที่สุด โดยราคาตั้งแต่ 13,000-36,000 บาท ทั้งนี้ ราคาเบี้ยจะสูงขึ้นตามอายุของรถและขนาดเครื่องยนต์ครับ
ประกันภัยประเภท 2 (ประกันภัยชั้น 2)
ประกันภัยประเภท 2 จะคุ้มครองใกล้เคียงกับประเภท
1 โดยบริษัทจะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดทางกายของผู้เอาประกันและคู่กรณี
ความเสียหายต่อรถหรือทรัพย์สินของคู่กรณี รวมถึงเหตุอื่น ๆ เช่น ไฟไหม้ โจรกรรม
และภัยธรรมชาติตามที่ระบุไว้ แต่ประกันภัยประเภท 2 จะไม่คุ้มครองรถยนต์ของเราเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
ปัจจุบัน ประกันภัยประเภท 2 ไม่ค่อยได้รับความนิยมเพราะไม่คุ้มครองผู้เอาประกันจากอุบัติเหตุ โดยประกันชั้น 2 ที่ทำให้รถส่วนบุคคลจะมีราคาประมาณ 6,000-10,000 บาท
ประกันภัยประเภท 3 (ประกันภัยชั้น 3)
ปัจจุบัน ประกันภัยประเภท 2 ไม่ค่อยได้รับความนิยมเพราะไม่คุ้มครองผู้เอาประกันจากอุบัติเหตุ โดยประกันชั้น 2 ที่ทำให้รถส่วนบุคคลจะมีราคาประมาณ 6,000-10,000 บาท
ประกันภัยประเภท 3 (ประกันภัยชั้น 3)
ประกันประเภทนี้รับทำทั้งรถส่วนบุคคลและรถเพื่อการพาณิชย์
คุ้มครองต่อตัวรถและทรัพย์สินของคู่กรณี
รวมถึงรักษาพยาบาลทั้งผู้เอาประกันและคู่กรณีเมื่อเกิดอุบัติเหตุ แต่จะไม่คุ้มครองตัวรถและทรัพย์สินของผู้เอาประกัน
ทั้งนี้ ผู้เอาประกันสามารถเลือกวงเงินความคุ้มครองได้
ซึ่งมีผลต่อราคาเบี้ยประกันด้วย
ประกันภัยประเภท 3 จะรู้จักกันในคำว่าประกันชั้น 3 โดยรถเก๋งส่วนบุคคลจะมีราคาตั้งแต่ 900-6,000 บาทครับ
ประกันภัยประเภท 3 จะรู้จักกันในคำว่าประกันชั้น 3 โดยรถเก๋งส่วนบุคคลจะมีราคาตั้งแต่ 900-6,000 บาทครับ
ประกันภัยประเภท 5 (ประกันภัยชั้น 2+,3+)
ประกันประเภทใหม่ที่ให้ความคุ้มครองเหมือนชั้น 2 และ 3 แต่เพิ่มความคุ้มครองตัวรถและทรัพย์สินของผู้เอาประกันด้วย จึงเรียกว่าเป็นประกันชั้น 2+ และ 3+ นอกจากนี้ ยังอาจเลือกให้คุ้มครองไฟไหม้ ภัยธรรมชาติ หรือโจรกรรม ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อเสนอของแต่ละบริษัทประกันครับ
ประกันประเภท 5 ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้รถ โดยให้ความคุ้มครองครอบคลุมแต่มีราคาต่ำกว่า ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 5,000-20,000 บาท
ประกันประเภทใหม่ที่ให้ความคุ้มครองเหมือนชั้น 2 และ 3 แต่เพิ่มความคุ้มครองตัวรถและทรัพย์สินของผู้เอาประกันด้วย จึงเรียกว่าเป็นประกันชั้น 2+ และ 3+ นอกจากนี้ ยังอาจเลือกให้คุ้มครองไฟไหม้ ภัยธรรมชาติ หรือโจรกรรม ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อเสนอของแต่ละบริษัทประกันครับ
ประกันประเภท 5 ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้รถ โดยให้ความคุ้มครองครอบคลุมแต่มีราคาต่ำกว่า ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 5,000-20,000 บาท
เห็นไหมล่ะครับว่าเมื่อเราต้องประสบเหตุไม่คาดฝัน ประกันรถยนต์มีประโยชน์ไม่น้อยเลย ทั้งช่วยคุ้มครองตัวเราและคู่กรณี รวมถึงดูแลความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุร้ายด้วย แต่ทั้งนี้ การเลือกประกันก็จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วน เพื่อประโยชน์สูงสุดของเราเอง และประกันรถยนต์ช่วยเพียงแก้ไขปัญหาหลังจากเกิดอุบัติเหตุเท่านั้น ภาระการป้องกันอุบัติเหตุเป็นหน้าที่ของผู้ขับขี่ทุกคนที่ต้องช่วยกันครับ
***ปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่***
คุณจิระวัฒน์ อัสดรมิ่งมิตร
Tel : 085-0486957
Line : 0850486957
Blog : jirawatinsurancecenter.blogspot.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น