ประกันรถยนต์เบี้ยซ่อมห้าง
กับ ซ่อมอู่ คืออะไร ต่างกันอย่างไร
คำถามที่มีการถามกันบ่อยๆ
คือ “ประกันรถยนต์แบบซ่อมอู่
กับ แบบซ่อมห้าง ต่างกันอย่างไร?”
ทั้งนี้ก็เพราะว่า
ราคาแบบซ่อมอู่นั้น
ถูกกว่าไม่น้อยเลย (ส่วนใหญ่ถูกกว่า
ประมาณ 2,000
- 3,000 บาท)
ซึ่งบางคนก็เลือกทำประกันแบบซ่อมอู่
ด้วยเหตุผลที่ว่าราคาถูกกว่า
และเชื่อว่าบางอู่ (ถ้าศึกษามาดี)
มีมาตรฐานดี
ไม่แพ้ศูนย์เลยด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม
คนจำนวนไม่น้อยยังยืนยันที่จะเลือกประกันแบบซ่อมห้าง
เพราะรู้สึกอุ่นใจกว่านั่นเอง
เรามาดูข้อสรุปกันดีกว่า ว่าประกันรถยนต์หรือแบบซ่อมห้าง มีข้อดีข้อเสีย ต่างกันอย่างไร
เรามาดูข้อสรุปกันดีกว่า ว่าประกันรถยนต์หรือแบบซ่อมห้าง มีข้อดีข้อเสีย ต่างกันอย่างไร
ซ่อมห้าง ข้อดี
- อะไหล่ที่ใช้ในการซ่อม เป็นอะไหล่แท้จากโรงงานเลย ทำให้เราอุ่นใจได้เลยว่าสิ่งที่เคลมเป็นของดีแน่นอน 100% (แม้ว่าจะมีเพื่อนเคยบอกว่า ซ่อมศูนย์บางทีเค้าก็ส่งอู่อีกที ซึ่งก็อาจจะจริง แต่ว่าอะไหล่ที่เปลี่ยนนั้นก็ยังเป็นของศูนย์อยู่ดี เพราะเบิกได้โดยตรง)
- ส่วนใหญ่มีมาตรฐาน การจัดการอย่างเป็นระบบ ทำให้ต่อรองง่าย อยากเคลมอะไรก็ไม่เรื่องมากเท่าไร รับประกันการซ่อมด้วย ถ้าซ่อมไปแล้วมีปัญหาก็กลับมาแก้ได้เลย
- ส่วนใหญ่ การซ่อมแซมเป็นไปด้วยดี เพราะศูนย์เองก็ต้องการรักษาชื่อเสียงของตัวเองเช่นกัน (แต่บางศูนย์ก็ได้รับการบ่นว่า ทำไม่ดี ก็มีนะ)
ซ่อมห้าง ข้อเสีย
- เนื่องจากความน่าเชื่อถือสูงกว่าแบบอู่ คนจึงเลือกใช้แบบซ่อมห้างเยอะ ในขณะที่ศูนย์บริการมีน้อย (รถบางยี่ห้อ บางจังวัดไม่มีศูนย์บริการด้วยซ้ำ) ทำให้บางครั้งเราต้องต่อคิวในการซ่อมนานพอสมควร
- การซ่อมแต่ละครั้ง จะมีภาษีและค่าแรงที่สูงกว่าการเวลาเราไปซ่อมที่อู่ ซึ่งความแตกต่างในส่วนนี้ ถือว่าชัดเจนพอสมควรเลย
- บางครั้งนอกจากชิ้นส่วนที่เราเคลมแล้ว จะมีส่วนอื่นๆ ถูกทางศูนย์เปลี่ยนให้ด้วย เพราะทางศูนย์มองว่าเกินอายุการใช้งานแล้ว ในขณะที่หลายๆ คนมองว่ายังใช้ได้อีกพอสมควรเลย ซึ่งในส่วนนี้ก็เป็นการมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเช่นกัน
ซ่อมอู่ ข้อดี
- ราคาเบี้ยประกัน (เงินที่เราต้องจ่ายค่าประกันรถยนต์ในแต่ละปี) ถูกกว่าแบบซ่อมห้างไม่น้อยเลย อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า ส่วนใหญ่ประมาณ 2000-3000 บาท
- อู่มีให้บริการเยอะกว่าศูนย์ (จะเยอะจะน้อยขึ้นอยู่กับ บริษัทประกันด้วยนะ เช่นว่า อู่นี้รับรถที่ประกันของวิริยะ แต่ไม่รับของที่อื่นเป็นต้น) ดังนั้นจึงมีความสะดวกและรวดเร็วมากกว่า เพราะว่าเราอาจจะไม่ต้องเดินทางไปไกลมาก อีกทั้งรถที่มาซ่อมไม่ไปกระจุกกันที่เดียวแบบศูนย์
- ปัจจุบันอู่ทีี่ให้บริการ มีมาตรฐานสูง (บางคนบอกว่าไม่แพ้ศูนย์เลย) แต่อย่างไรก็ตาม เราควรหาข้อมูลว่าอู่ที่เข้าไปใช้บริการนั้นดีหรือไม่ เพราะถ้าได้อู่ดี ๆ การซ่อมจะมีมาตรฐานมาก บางอู่ซ่อมดีกว่าศูนย์ก็ยังมีเลย (บางอู่ที่รับเฉพาะบางยี่ห้อ เราสามารถมองว่า อู่นั้นมีความเชี่ยวชาญกับเฉพาะรถยี่ห้อนั้นๆ ก็ได้)
ซ่อมอู่ ข้อเสีย
- การซ่อมจากอู่ อะไหล่ไม่จำเป็นว่าจะเป็นของแท้เสมอไป ซึ่งบางครั้งเป็นของเวียนซ่อมก็มี ซึ่งทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุพินิจของประกัน (เห็นว่ากันมาแบบนั้นนะ)
- บางครั้งเราอาจถูกอู่เล่นตุกติกก็ได้ เพราะถ้าเจออู่ที่ไม่ซื่อตรง อาจจะเอาอะไหล่ที่มีคุณภาพต่ำมาให้เรา โดยที่เราเองก็ไม่อาจรู้ได้
- บางอู่ อาจไม่มีความเป็นมืออาชีพพอ ในการตามแก้งานซ่อมที่ออกไปจากอู่เอง บางเจ้าอาจปัดความรับผิดชอบว่าปัญหาไม่ได้เกิดจากการซ่อมที่อู่ก็มี
- โดยรวมแล้ว ข้อเสียของอู่ซ่อมนั้น มีความน่าเชื่อถือ ต่ำกว่าศูนย์มากนั่นเอง
*โดยสรุปแล้ว ประเด็นของการซ่อมห้างกับซ่อมอู่ ส่วนที่แตกต่างกันจริงๆ ดูเหมือนจะเป็นที่ตัวอะไหล่มากกว่า เพราะว่าเราจะได้อะไหล่แท้ๆ ไม่ใช่ของเทียมนั่นเอง แต่บางบริษัทประกันภัย ก็อนุญาติให้อู่ที่ contact กันอยู่เบิกอะไหล่แท้จากศูนย์ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นอู่ใหญ่ๆ ส่วนมาตรฐานอู่ซ่อมถ้าศึกษา หาข้อมูลหน่อยคิดว่าหาอู่ที่ดีไม่น่าจะยากนัก (เพิ่มเติม แต่บางศูนย์ที่ตัวพนักงานตุกติกอะไหล่เองก็มีนะ เคยได้ยินว่าแบตใหม่ๆ ของเราถูกเปลี่ยนไปเป็นของเก่า โดยพนักงานก็มี)
** ถ้าเรามีประกันรถยนต์แบบซ่อมอู่ ที่จริงเราก็สามารถเอาเข้าศูนย์ได้เช่นกัน เพียงแต่ต้อง เสีย “ค่าส่วนต่าง” เอง เช่น สมมุติว่าซ่อมศูนย์คิด 2000 แต่ซ่อมอู่ตีวงเงินไว้แค่ 1200 เราต้องเสียส่วนต่างเองอีก 800 บาท ซึ่งบางครั้งอาจจะมีค่าใช้จ่ายมาก ทำให้ดูไม่คุ้มค่านักที่จะเอาเข้าศูนย์
*** ปกติแล้วเราจะสามารถเลือกประกันแบบซ่อมห้าง ได้สูงสุด 3 ปี แต่ว่าบางบริษัทประกันภัย ทำให้ซ่อมห้างได้สูงสุด 5 ปี
@@@ปรึกษาเรื่องประกันภัยหรือซื้อประกันภัย@@@
ติดต่อได้ที่
คุณจิระวัฒน์ อัสดรมิ่งมิตร
ใบอนุญาตนายหน้าประกันวินาศภัยเลขที่
5804016060
Tel : 085-0486957
Tel : 085-0486957
Line ID : 0850486957
E-mail : tor1anny2@gmail.com
Blogger : http://jirawatinsurancecenter.blogspot.com/
E-mail : tor1anny2@gmail.com
Blogger : http://jirawatinsurancecenter.blogspot.com/